การเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ที่เหมาะสมนั้นมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ดังนี้:
แบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไปแบ่งเป็น 3-4 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติและการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน
แบตเตอรี่แบบน้ำ (Conventional/Wet Cell):
ข้อดี: ราคาถูก, หาซื้อง่าย, สามารถดูแลรักษาโดยการเติมน้ำกลั่นได้
ข้อเสีย: ต้องคอยตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นเป็นประจำ (อาจจะเดือนละครั้ง), อาจเกิดไอกรดกัดกร่อน
เหมาะกับ: รถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมมากนัก และเจ้าของรถหมั่นดูแลรักษาได้
แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง (Maintenance Free - MF):
ข้อดี: พัฒนาจากแบตเตอรี่น้ำ ลดการสูญเสียน้ำกลั่นได้มาก, ไม่ต้องดูแลบ่อย (อาจเช็คระดับน้ำกลั่นทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี), ค่า CCA (กำลังสตาร์ท) สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำเล็กน้อย, ยังต้องมีการตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นบ้าง
เหมาะกับ: รถยนต์ในชีวิตประจำวัน ที่ต้องการความสะดวกในการดูแล
แบตเตอรี่แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free - SMF):
ข้อดี: ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน, สะดวก, ค่า CCA และกำลังสตาร์ทสูง, ได้มาตรฐาน
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแบบน้ำและกึ่งแห้ง
เหมาะกับ: รถยนต์ที่ต้องการความสะดวกในการดูแลสูงสุด, รถสปอร์ต, รถที่มีการจัดวางแบตเตอรี่ในห้องโดยสาร
การเลือกแบตเตอรี่ต้องดูจากข้อมูลของแบตเตอรี่ลูกเดิมหรือตามคู่มือรถยนต์เป็นหลัก เพื่อให้พอดีกับช่องใส่และระบบไฟของรถ
ขนาด (Size): ต้องเลือกขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) ให้สามารถวางได้พอดีกับฐานแบตเตอรี่ในรถ
เช่น รหัส B24 หรือ D26 เป็นการบอกขนาดความกว้างและความยาวของแบตเตอรี่
ความจุ (Ah - Ampere-hour): คือความสามารถในการเก็บประจุไฟฟ้า ควรเลือกค่า แอมป์ (Ah) ให้เหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ
โดยทั่วไป เครื่องยนต์ขนาดเล็ก (1,000 - 1,500 cc) ใช้ประมาณ 35-45 Ah
เครื่องยนต์ขนาดกลาง (1,500 - 2,400 cc) ใช้ประมาณ 45-70 Ah
เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ (2,400 cc ขึ้นไป) ใช้ประมาณ 70-100 Ah
ถ้ามีการติดตั้งเครื่องเสียงหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม อาจเพิ่มขนาดแอมป์ได้ แต่ไม่ควรเกินกำลังไดชาร์จของรถ
กำลังสตาร์ท (CCA - Cold Cranking Amps): คือความสามารถในการจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาพอากาศเย็น ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดี โดยเฉพาะถ้าอยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็น
ตำแหน่งขั้ว (Terminal): ต้องเลือกให้ตรงกับแบตเตอรี่ลูกเดิม มีทั้งขั้วซ้าย (L) และขั้วขวา (R) เพื่อให้สายไฟต่อถึงอย่างเหมาะสมและปลอดภัย
วันผลิต: ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตมาไม่นานเกินไป (ไม่ควรเกิน 6-12 เดือน) เพราะแบตเตอรี่ที่เก็บไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน ประสิทธิภาพจะลดลง
ยี่ห้อและการรับประกัน: เลือกรุ่นและยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และมีการรับประกันที่ชัดเจน
ก่อนซื้อแบตเตอรี่ ควรถอดแบตเตอรี่ลูกเดิมออกมาดูรุ่น, ขนาด, ความจุ (Ah), และตำแหน่งขั้ว (L หรือ R) เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ลูกใหม่
แบตเตอรี่บางโฉลง แบตเตอรี่บางพลี เปลี่ยนนอกสถานที่, หน้าร้าน บริษัทขายปลีก-ส่งทั่วประเทศ